ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
การสนับสนุน
ลงชื่อเข้าใช้
ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Microsoft
ลงชื่อเข้าใช้หรือสร้างบัญชี
สวัสดี
เลือกบัญชีอื่น
คุณมีหลายบัญชี
เลือกบัญชีที่คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้

อาการ

เมื่อคุณติดตั้ง ถอนการติดตั้ง หรืออัปเดตโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows คุณอาจได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาดอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

ข้อความแสดงข้อผิดพลาด 1:

ไม่สามารถเข้าถึงบริการ Windows Installer

ข้อความแสดงข้อผิดพลาด 2

ไม่สามารถเริ่มบริการ Windows Installer

ข้อความแสดงข้อผิดพลาด 3:

ไม่สามารถเริ่มบริการ Windows Installer บนคอมพิวเตอร์ท้องถิ่น ข้อผิดพลาด 5: การเข้าถึงถูกปฏิเสธ

การแก้ไข

เมื่อต้องการแก้ไขปัญหานี้โดยอัตโนมัติ ให้เรียกใช้ตัวแก้ไขปัญหา "แก้ไขปัญหาที่โปรแกรมไม่สามารถติดตั้งหรือถอนการติดตั้งได้" เพื่อแก้ไขปัญหาที่ปิดกั้นการติดตั้งหรือลบโปรแกรมเนื่องจากรีจิสทรีคีย์ที่เสียหาย

สิ่งสำคัญ เมื่อต้องการทำตามวิธีการและขั้นตอนต่างๆ ในบทความนี้ คุณต้องเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของคุณในฐานะผู้ดูแลระบบ

เพื่อตรวจสอบว่าคุณใช้บัญชีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบหรือไม่

เพื่อตรวจสอบว่าคุณใช้บัญชีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบหรือไม่ ให้ใช้วิธีการต่อไปนี้ตามความเหมาะสมกับระบบปฏิบัติการที่คุณใช้อยู่

Windows 7 และ Windows Vista

  1. เปิดกล่องโต้ตอบ วันที่และเวลา

    1. คลิก เริ่ม

    2. พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ในกล่อง เริ่มการค้นหา หรือในกล่อง ค้นหาโปรแกรมและแฟ้ม จากนั้นกด ENTER:

      timedate.cpl
      กล่องโต้ตอบ วันที่และเวลา จะปรากฏขึ้นมา
      Start Search or Search programs and files box - timedate.cpl 

  2. คลิก เปลี่ยนแปลงวันที่และเวลา เมื่อกล่องโต้ตอบ การควบคุมบัญชีผู้ใช้ เปิดขึ้นมาให้คลิกที่ ดำเนินการต่อ
    Date and Time - User Account Control dialog box 

  3. จากนั้น ให้ทำตามข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณคลิก ดำเนินการต่อ:

    • หากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่พร้อมท์ให้ใส่รหัสผ่าน หมายความว่าคุณได้เข้าสู่ระบบด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบแล้ว คลิก ยกเลิก สองรายการเพื่อปิดกล่องโต้ตอบ วันที่และเวลา คุณพร้อมแก้ไขปัญหาของ Windows Installer

    • หากคอมพิวเตอร์ของคุณพร้อมท์ให้ใส่รหัสผ่าน หมายความว่าคุณยังไม่ได้เข้าสู่ระบบด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ

Windows XP และ Windows Server 2003

  1. เปิดกล่องโต้ตอบ วันที่และเวลา

    1. คลิก เริ่ม แล้วคลิก เรียกใช้

    2. พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ในกล่องโต้ตอบ เรียกใช้ แล้วกด ตกลง:

      timedate.cpl
      Run dialog box - timedate.cpl 

  2. ใช้ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์:

    • หากกล่องโต้ตอบ คุณสมบัติวันที่และเวลา ปรากฏขึ้น แสดงว่าคุณได้เข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบแล้ว คลิก ยกเลิก เพื่อปิดกล่องโต้ตอบ
      Date and Time Properties dialog box 

    • หากคุณได้รับข้อความต่อไปนี้ แสดงว่าคุณไม่ได้เข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ
      Date and Time Properties information message 


หลังจากที่คุณตรวจสอบว่าคุณได้ลงชื่อเข้าใช้คอมพิวเตอร์ในฐานะผู้ดูแลระบบแล้ว คุณสามารถเริ่มแก้ไขปัญหาปัญหาของ Windows Installer ได้

ถ้าโปรแกรม Windows Installer เสียหาย ถูกปิดใช้งาน หรือติดตั้งไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดปัญหาในการติดตั้งโปรแกรมได้

ใช้วิธีต่อไปนี้ระบุปัญหาของ Windows Installer ที่อาจทำให้เกิดปัญหา เมื่อคุณติดตั้ง ถอนการติดตั้งหรืออัปเดตโปรแกรม

วิธีการที่ 1: ตรวจสอบว่า Windows Installer Engine ทำงานอยู่หรือไม่

  1. คลิก เริ่ม windows icon  แล้วพิมพ์ cmd ในกล่อง ค้นหา หรือคลิก เรียกใช้ แล้วจึงพิมพ์ cmd ในกล่องโต้ตอบ (Windows XP หรือ Windows Server 2003) แล้วกด Enter เพื่อเปิดหน้าต่าง พร้อมท์คำสั่ง

  2. ที่พร้อมท์คำสั่ง ให้พิมพ์ MSIExec แล้วกด Enter

  3. ถ้า MSI Engine ทำงาน คุณจะต้องไม่ได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาด ถ้าคุณได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาด ให้ป้อนข้อความแสดงข้อผิดพลาดลงในเครื่องมือค้นหาเช่น Bing หรือ Google เพื่อค้นหาข้อมูลการแก้ไขปัญหา

  4. ลองติดตั้งหรือถอนการติดตั้งอีกครั้ง

วิธีการที่ 2: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริการ Windows Installer ไม่ได้ปิดใช้งาน

  1. คลิก เริ่ม windows icon  แล้วพิมพ์ services.msc ในกล่อง ค้นหา หรือคลิก เรียกใช้ จากนั้นพิมพ์ services.msc ในกล่องโต้ตอบ (Windows XP or Windows Server 2003) แล้วกด Enter เพื่อเปิด บริการ

  2. คลิกขวา Windows Installer จากนั้นคลิก คุณสมบัติ

  3. ถ้ากล่อง ชนิดการเริ่มต้น ถูกกำหนดเป็น ปิดใช้งาน ให้เปลี่ยนเป็น ด้วยตนเอง

  4. คลิก ตกลง เพื่อปิดหน้าต่างคุณสมบัติ

  5. คลิกขวาที่บริการ Windows Installer แล้วคลิก เริ่ม บริการควรเริ่มทำงานโดยไม่มีข้อผิดพลาด

  6. ลองติดตั้งหรือถอนการติดตั้งอีกครั้ง

วิธีการที่ 3: ตรวจสอบเวอร์ชั่นของ Windows Installer และอัปเกรดเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดถ้าจำเป็นสิ่งสำคัญ วิธีนี้ใช้กับ Windows XP, Windows Vista, Windows Server 2003, Windows Server 2003 R2 และ Windows Server 2008 เท่านั้น

  1. คลิก เริ่ม windows icon  แล้วพิมพ์ cmd ในกล่อง ค้นหา หรือคลิก เรียกใช้ แล้วจึงพิมพ์ services.msc ในกล่องโต้ตอบ (Windows XP หรือ Windows Server 2003) แล้วกด Enter เพื่อเปิดหน้าต่าง พร้อมท์คำสั่ง

  2. ที่พร้อมท์คำสั่ง ให้พิมพ์ MSIExec แล้วกด Enter ถ้า MSI Engine ทำงาน คุณจะไม่ได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาดและกล่องโต้ตอบจะเปิดขึ้นแทน ซึ่งจะแสดงรุ่นของ MSI

  3. ถ้าตัวติดตั้งไม่ใช่เวอร์ชัน 4.5 ให้ดาวน์โหลดและติดตั้ง Windows Installer 4.5

  4. ลองติดตั้งหรือถอนการติดตั้งอีกครั้ง

วิธีการที่ 4: ลงทะเบียนโปรแกรมติดตั้งอีกครั้งสิ่งสำคัญ วิธีนี้ใช้กับ Windows XP และ Windows Server 2000 เท่านั้น

  1. คลิก เริ่ม คลิก เรียกใช้ พิมพ์ cmd แล้วคลิก พร้อมท์คำสั่ง

  2. ที่พร้อมท์คำสั่ง ให้พิมพ์ข้อความต่อไปนี้ แล้วกด Enter หลังจากแต่ละบรรทัด:

    MSIExec /unregister

    MSIExec/regserver

  3. ลองติดตั้งหรือถอนการติดตั้งอีกครั้ง


วิธีการติดตั้งหรืออัปเดตไม่ทำงานจนเสร็จสมบูรณ์

มีหลายวิธีที่สามารถใช้ในการติดตั้ง ถอนการติดตั้ง หรืออัปเดตโปรแกรมได้ นอกจากนี้ วิธีการที่ใช้อาจไม่สามารถเริ่มต้นหรือเสร็จสมบูรณ์ ในสถานการณ์นี้ ให้ลองใช้วิธีอื่นในการติดตั้งหรืออัปเดตโปรแกรม

ต่อไปนี้คือวิธีการทั่วไปที่ใช้ในการติดตั้งซอฟต์แวร์:

  • ใส่แผ่นซีดีหรือดีวีดี แล้วปล่อยให้การติดตั้งเริ่มต้นโดยอัตโนมัติ

  • เรียกดูซีดี ดีวีดี สื่อที่ถอดได้ หรือตำแหน่งอื่นที่ใช้เก็บแฟ้มติดตั้งโปรแกรม แล้วคลิกสองครั้งที่โปรแกรมการติดตั้ง แฟ้มการติดตั้งส่วนใหญ่มีดังนี้:

    • Autorun หรือ Autorun.exe

    • Setup หรือ Setup.exe

    • Install หรือ Install.exe

  • คลิก เรียกใช้ เมื่อคุณดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บไซต์

ไม่สามารถอ่านสื่อการติดตั้งได้

สื่อการติดตั้งอย่างเช่น ซีดีหรือดีวีดีอาจมีความสกปรกหรือมีรอยขีดข่วน ดังนั้นจึงอ่านไม่ได้โดยเครื่องอ่านซีดีหรือดีวีดี เมื่อต้องการแก้ปัญหานี้ ให้ดำเนินการตามวิธีการเหล่านี้:

วิธีการที่ 1: ทำความสะอาดแผ่นซีดีหรือดีวีดีโดยใช้ชุดทำความสะอาดแผ่นซีดีหรือดีวีดี หรือใช้ผ้าฝ้ายนุ่มๆ ที่ไม่เป็นขุยค่อยๆ เช็ดด้านเงินของแผ่นดิสก์ อย่าใช้กระดาษเพราะอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือเส้นริ้วบนพลาสติกได้ เมื่อคุณทำความสะอาดแผ่นดิสก์ ให้เช็ดจากกึ่งกลางของแผ่นดิสก์ออกมาด้านนอก ห้ามเช็ดเป็นวงกลม หากปัญหายังคงมีอยู่ ทำความสะอาดแผ่นดิสก์ด้วยผ้าชุบน้ำหมาดหรือน้ำยาล้างแผ่นซีดีหรือดีวีดีที่มีขายทั่วไป ทิ้งแผ่นไว้ให้แห้งอย่างทั่วถึง ก่อนที่จะใส่เข้าในไดรฟ์

วิธีการที่ 2: คัดลอกแฟ้มการติดตั้งลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไปยังสื่อแบบถอดได้อื่นๆเมื่อคุณคัดลอกแฟ้มให้สังเกตตำแหน่งเอาไว้ และเรียกใช้การติดตั้งจากตำแหน่งนั้น ตามปกติ แฟ้มการติดตั้งจะเรียกว่า Autorun.exe หรือ Setup.exe แต่อาจต่างกันไป ถ้าไม่แน่ใจ ตรวจสอบแฟ้ม Readme ในโฟลเดอร์ เพื่อดูคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเรียกใช้กระบวนการการติดตั้ง ถ้ามีแฟ้มที่ปฏิบัติการได้ (.exe) เราไม่ขอแนะนำให้คุณเรียกใช้แฟ้ม .msi โดยตรงโดยไม่มีคำแนะนำที่ชัดเจนจากผู้ขาย

หมายเหตุ ถ้าต้องใช้ซีดีหรือดีวีดีหลายแผ่น เราขอแนะนำให้คัดลอกทุกแผ่นไปไว้ยังโฟลเดอร์เดียวกัน ในลำดับย้อนหลัง (หมายเลขดิสก์สูงกว่าก่อน) เตรียมพร้อมที่จะอนุญาตให้เขียนทับแฟ้มที่มีอยู่ได้ เมื่อได้รับข้อความแจ้ง แล้วติดตั้งใหม่จากตำแหน่งนั้น

วิธีการที่ 3: ขอรับแพคเกจการติดตั้งรุ่นใหม่หากคุณพยายามติดตั้งจากซีดีหรือดีวีดี ให้ปฏิบัติดังนี้

  • ตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิตซอฟต์แวร์สำหรับแพคเกจซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุดขึ้น ดาวน์โหลดและติดตั้งรุ่นที่ใหม่

  • หากคุณมีรุ่นล่าสุดอยู่แล้ว ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บไซต์ของผู้ผลิต แล้วเรียกใช้การติดตั้ง

แฟ้มการติดตั้งที่ดาวน์โหลดหรือคัดลอกมาเสียหาย

วิธีการที่ 1: คัดลอกแฟ้มการติดตั้งไปยังคอมพิวเตอร์ของคุณคัดลอกแฟ้มการติดตั้งลงบนฮาร์ดดิสก์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไปยังสื่อแบบถอดได้อื่นๆ สังเกตตำแหน่งเอาไว้ และเรียกใช้การติดตั้งจากตำแหน่งนั้น ตามปกติ แฟ้มการติดตั้งจะเรียกว่า Autorun.exe หรือ Setup.exe แต่อาจต่างกันไป ถ้าไม่แน่ใจ ตรวจสอบแฟ้ม Readme ในโฟลเดอร์ เพื่อดูคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเรียกใช้การติดตั้ง ถ้ามีแฟ้มที่ปฏิบัติการได้ (.exe) เราไม่ขอแนะนำให้คุณเรียกใช้แฟ้ม .msi โดยตรงโดยไม่มีคำแนะนำที่ชัดเจนจากผู้ขาย

  • ถ้าคุณกำลังติดตั้งโปรแกรมจากอินเทอร์เน็ต ให้ดาวน์โหลดแฟ้มลงมาใหม่ (เลือก บันทึก แทนที่จะเป็น เรียกใช้ ในกล่องโต้ตอบการดาวน์โหลด) บันทึกแฟ้มไปยังโฟลเดอร์บนฮาร์ดดิสก์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณหรือสื่อที่ถอดได้อื่นๆ จากนั้นให้เรียกใช้การติดตั้งจากตำแหน่งนั้น

  • ถ้าแฟ้มการติดตั้งอยู่บนเครือข่าย (เช่น ในสภาพแวดล้อมทางการค้าหรือของบริษัท) ให้คัดลอกแฟ้มทั้งหมดลงในโฟลเดอร์บนฮาร์ดดิสก์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วเรียกใช้การติดตั้งจากตำแหน่งนั้น

วิธีการที่ 2: ขอรับแพคเกจการติดตั้งรุ่นใหม่ถ้าเวลาผ่านไประหว่างที่คุณดาวน์โหลดแพคเกจและเมื่อคุณพยายามติดตั้ง ให้ทำดังนี้

  • ตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิตซอฟต์แวร์สำหรับแพคเกจซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุดขึ้น ดาวน์โหลดและติดตั้งรุ่นที่ใหม่

  • หากคุณมีรุ่นล่าสุดอยู่แล้ว ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมอีกครั้ง แล้วเรียกใช้การติดตั้ง

โปรแกรมที่กำลังทำงานบนคอมพิวเตอร์ของคุณทำความรบกวนกระบวนการติดตั้ง

ให้ปิดใช้งานโปรแกรมที่อาจรบกวนกระบวนการติดตั้ง โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. คลิก เริ่ม windows icon  แล้วพิมพ์ msconfig ในกล่อง ค้นหา แล้วจึงคลิก msconfig.exe

    Notice icon  หากคุณได้รับการพร้อมท์ให้ใส่รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบหรือกระทำการยืนยัน ให้พิมพ์รหัสผ่านหรือให้การยืนยัน

  2. ในแท็บ ทั่วไป คลิก การเริ่มต้นระบบแบบเลือกเอง แล้วล้างกล่องกาเครื่องหมาย โหลดรายการเริ่มต้นระบบ

  3. คลิก บริการ คลิก ซ่อนบริการ Microsoft ทั้งหมด แล้วคลิก ปิดใช้งานทั้งหมด

  4. คลิก ตกลง แล้วคลิก เริ่มต้นใหม่

  5. ลองเรียกใช้การติดตั้งโปรแกรมซอฟต์แวร์ของคุณ

  6. เมื่อคุณแก้ปัญหาเสร็จแล้ว เริ่มต้นคอมพิวเตอร์ใหม่ในโหมดเริ่มต้นปกติ โดยให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

    1. คลิก เริ่ม windows icon  แล้วพิมพ์ msconfig ในกล่อง ค้นหา แล้วจึงคลิก msconfig.exe

      Notice icon  หากคุณได้รับการพร้อมท์ให้ใส่รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบหรือกระทำการยืนยัน ให้พิมพ์รหัสผ่านหรือให้การยืนยัน

    2. บนแท็บ ทั่วไป คลิก เริ่มต้นระบบปกติ คลิก ตกลง แล้วคลิก เริ่มต้นใหม่

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการใช้ MSConfig โปรดดู วิธีการแก้ไขปัญหาโดยการทำคลีนบูตใน Windows 8, Windows 7 หรือ Windows Vista

มีหลายวิธีในการลบโปรแกรม ในสถานการณ์นี้ ให้ลองใช้วิธีอื่นในนำโปรแกรมออก

ต่อไปนี้คือวิธีการทั่วไปที่ใช้ในการติดตั้งซอฟต์แวร์:

วิธีการที่ 1: ใช้ตัวเลือกการถอนการติดตั้ง (ถ้ามี)

  1. คลิก เริ่ม windows icon  แล้วจึงคลิก ทุกโปรแกรม

  2. เลือกโฟลเดอร์สำหรับโปรแกรมที่คุณกำลังพยายามถอนการติดตั้ง แล้วเปิดโฟลเดอร์

  3. ถ้ามีตัวเลือกในการถอนการติดตั้ง ให้ลองใช้

วิธีการที่ 2: ใช้ตัวเลือกในแผงควบคุม

  1. คลิก เริ่ม windows icon  แล้วคลิก แผงควบคุม จากนั้นคลิก เพิ่มหรือเอาโปรแกรมออก หรือ โปรแกรมและคุณลักษณะ แล้วจึงคลิก ถอนการติดตั้งโปรแกรม

  2. เลือกโปรแกม แล้วคลิก ถอนการติดตั้ง ทำตามคำแนะนำ


หมายเหตุ ขั้นตอนต่อไปนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ขั้นสูงเท่านั้น

 

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่มีชื่อแฟ้มหรือชื่อโฟลเดอร์ที่ยาวกว่า 260 ตัวอักษร

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อจำกัดความยาวสูงสุดของเส้นทาง โปรดดู การตั้งชื่อแฟ้ม เส้นทาง และเนมสเปซ

 

โปรแกรมส่วนใหญ่จะสร้างแฟ้มบันทึกการติดตั้งขึ้น ถ้าคุณไม่สามารถหาบันทึกดังกล่าวได้ คุณสามารถเปิดใช้งานบันทึก MSI อย่างละเอียด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู วิธีเปิดใช้งานการบันทึกของ Windows Installer

หมายเหตุ ถ้าคุณกำลังเรียกใช้แฟ้มบันทึก .msi โดยไม่มีโปรแกรมเรียกตัวเอง (.exe) คุณสามารถเพิ่มพารามิเตอร์สำหรับการบันทึกรายละเอียด ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเรียกใช้คำสั่งต่อไปนี้:

Msiexec path\your_msi.msi /L*v path\your_msi_log.txt สำหรับรายการของพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่ง msiexec โปรดดู ตัวเลือกบรรทัดคำสั่ง

การติดตั้งที่ล้มเหลวมักจะบันทึก "ค่าส่งกลับ 3” ที่เกิดปัญหาขึ้นและที่ที่การติดตั้งเริ่มย้อนกลับ คำอธิบายความล้มเหลวนี้ปรากฏขึ้นทันทีก่อนรายการบันทึกค่าส่งกลับ 3

 

คุณสามารถใช้เครื่องมือ Wilogutl.exe เพื่อวิเคราะห์แฟ้มบันทึกจากการติดตั้ง Windows Installer เครื่องมือนี้อาจแนะนำวิธีแก้ข้อผิดพลาดที่พบในแฟ้มบันทึก และมีอยู่ใน ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Windows ล่าสุด

ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงวิธีการใช้เครื่องมือ Wilogutl.exe จากบรรทัดคำสั่ง:

wilogutl /q /l c:\mymsilog.log /o c\outputdir\

 

คุณอาจสามารถถอนการติดตั้งบางส่วนของโปรแกรมได้ด้วยตนเองผ่านทางส่วนติดต่อของ Windows เช่น คุณอาจสามารถลบแฟ้มและโฟลเดอร์โปรแกรมได้ เนื่องจากขั้นตอนในการดำเนินการนี้อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นของ Windows ที่คุณมีและโปรแกรมที่คุณพยายามถอนการติดตั้ง จึงไม่มีขั้นตอนที่กำหนดไว้ที่นี่ ถ้าคุณไม่รู้จักโปรแกรมที่คุณพยายามถอนการติดตั้งเพียงพอในการระบุแฟ้มและโฟลเดอร์ของโปรแกรมนั้นอย่างถูกต้อง เราไม่ขอแนะนำให้คุณใช้วิธีนี้ โดยทั่วไป เมื่อคุณเริ่มลบแฟ้มและโฟลเดอร์ของโปรแกรม คุณกำลังเสี่ยงต่อการทำให้ระบบปฏิบัติการเสียหาย ใช้วิธีการนี้ได้โดยคุณต้องแบกรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเอง

ถ้าคุณกำลังพิจารณาถอนการติดตั้งโปรแกรมด้วยตนเอง โปรดระวังข้อต่อไปนี้:

  • ก่อนใช้วิธีนี้โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้สร้างจุดคืนค่าระบบแล้ว

  • ก่อนเริ่มต้น ให้ย้ายข้อมูลหรือเอกสารส่วนบุคคลที่อาจอยู่ในโฟลเดอร์การติดตั้งของโปรแกรมที่คุณกำลังถอนการติดตั้ง เช่น ย้ายวัตถุนี้ไปที่โฟลเดอร์ Documents

  • ถ้าคุณไม่สามารถลบแฟ้มโปรแกรม อาจหมายความว่าแฟ้มกำลังถูกใช้งานหรือโปรแกรมอื่นกำลังใช้แฟ้มและป้องกันไม่ให้คุณลบแฟ้ม เช่น ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอาจกำลังใช้แฟ้ม เมื่อซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสกำลังใช้แฟ้มโปรแกรมและทำให้ลบแฟ้มไม่ได้ ก็อาจเป็นไปได้ว่าซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเดียวกันนี้ ป้องกันไม่ให้คุณถอนการติดตั้งด้วยวิธีปกติ

ข้อมูลเพิ่มเติม

สำหรับข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับวิธีติดตั้งหรือถอนการติดตั้งโปรแกรม ให้ดูที่:

ติดตั้งโปรแกรม

ถอนการติดตั้งหรือเปลี่ยนโปรแกรม

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการติดตั้งโปรแกรม

ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่

ต้องการตัวเลือกเพิ่มเติมหรือไม่

สํารวจสิทธิประโยชน์ของการสมัครใช้งาน เรียกดูหลักสูตรการฝึกอบรม เรียนรู้วิธีการรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ของคุณ และอื่นๆ

ชุมชนช่วยให้คุณถามและตอบคําถาม ให้คําติชม และรับฟังจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้มากมาย

ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่

คุณพึงพอใจกับคุณภาพภาษาเพียงใด
สิ่งที่ส่งผลต่อประสบการณ์ใช้งานของคุณ
เมื่อกดส่ง คำติชมของคุณจะถูกใช้เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft ผู้ดูแลระบบ IT ของคุณจะสามารถรวบรวมข้อมูลนี้ได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ขอบคุณสำหรับคำติชมของคุณ!

×