สรุป
เมื่อคุณใช้ผลิตภัณฑ์ Microsoft Excel ที่แสดงอยู่ที่ด้านล่างของบทความนี้คุณสามารถใช้สูตรเวิร์กชีตกับข้อมูลที่ครอบคลุมหลายแถวและหลายคอลัมน์ไปยังรูปแบบฐานข้อมูล (แบบเรียงซ้อนกัน)
ข้อมูลเพิ่มเติม
ตัวอย่างต่อไปนี้จะแปลงทุกๆสี่แถวของข้อมูลในคอลัมน์เป็นสี่คอลัมน์ของข้อมูลในแถวเดียว (คล้ายกับเขตข้อมูลฐานข้อมูลและเค้าโครงระเบียน) นี่เป็นสถานการณ์สมมติที่คล้ายคลึงกันกับที่คุณพบเมื่อคุณเปิดเวิร์กชีตหรือไฟล์ข้อความที่มีข้อมูลในรูปแบบป้ายจ่าหน้าจดหมาย
ตัวอย่าง
-
ในเวิร์กชีตใหม่ให้พิมพ์ข้อมูลต่อไปนี้:
A1: Smith, John
A2: ๑๑๑ไพน์เซนต์
A3: San Diego, CA
A4: (๕๕๕) 128-549
A5: Jones, Sue
A6: ๒๒๒ Oak Ln
A7: New York, NY
A8: (๕๕๕) 238-1845
A9: แอนเดอร์สัน
, ทอม A10: ๓๓๓ Ave ของซากุระ
A11: ชิคาโก, IL
A12: (๕๕๕) 581-4914 -
พิมพ์สูตรต่อไปนี้ในเซลล์ C1
:=OFFSET($A$1,(ROW()-1)*4+INT((COLUMN()-3)),MOD(COLUMN()-3,1)) -
เติมสูตรนี้ไปยังคอลัมน์ F จากนั้นลงไปที่แถวที่3
-
ปรับขนาดคอลัมน์ตามความจำเป็น โปรดสังเกตว่าข้อมูลจะแสดงอยู่ในเซลล์ C1 ผ่าน F3 ดังต่อไปนี้:
สมิธ, จอห์น
๑๑๑ไพน์เซนต์
ซานดิเอโก, CA
(๕๕๕) 128-549
Jones, Sue
๒๒๒ Oak Ln
New York, NY
(๕๕๕) 238-1845
แอนเด, ทอม
๓๓๓ซากุระ
ชิคาโก, IL
(๕๕๕) 581-4914
สูตรสามารถถูกตีความเป็น
OFFSET($A$1,(ROW()-f_row)*rows_in_set+INT((COLUMN()-f_col)/col_in_set), MOD(COLUMN()-f_col,col_in_set))
โดยที่:
-
f_row = หมายเลขแถวของสูตรนี้ตรงข้าม
-
f_col = หมายเลขคอลัมน์ของสูตรนี้ตรงข้าม
-
rows_in_set = จำนวนแถวที่ทำให้มีระเบียนข้อมูลเพียงระเบียนเดียว
-
col_in_set = จำนวนคอลัมน์ของข้อมูล
หมายเหตุ: หน้านี้ได้รับการแปลด้วยระบบอัตโนมัติ และอาจมีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์หรือความไม่ถูกต้อง จุดประสงค์ของเราคือเพื่อให้เนื้อหานี้มีประโยชน์กับคุณ คุณสามารถแจ้งให้เราทราบว่าข้อมูลมีประโยชน์หรือไม่ นี่คือบทความภาษาอังกฤษเพื่อให้คุณใช้อ้างอิง