บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับไวยากรณ์ของสูตรและการใช้ฟังก์ชัน DEC2HEX ใน Microsoft Excel
คำอธิบาย
แปลงตัวเลขฐานสิบไปเป็นฐานสิบหก
ไวยากรณ์
DEC2HEX(number, [places])
ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน DEC2HEX มีอาร์กิวเมนต์ดังนี้
-
Number (ต้องระบุ) คือจำนวนเต็มฐานสิบที่คุณต้องการแปลง ถ้าตัวเลขนี้เป็นค่าลบ Places จะถูกละไว้และ DEC2HEX จะส่งกลับเลขฐานสิบหกที่มีอักขระ 10 ตัว (40 บิต) ซึ่งบิตที่มีนัยสำคัญสูงสุดคือบิตเครื่องหมาย ส่วนที่เหลืออีก 39 บิตคือบิตขนาด โดยจะแสดงตัวเลขติดลบด้วยสัญกรณ์เติมเต็มฐานสอง
-
Places (ระบุหรือไม่ก็ได้) คือจำนวนอักขระที่จะใช้ ถ้าละค่า Places ฟังก์ชัน DEC2HEX จะใช้จำนวนอักขระน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น Places มีประโยชน์ในการใส่ 0 (ศูนย์) นำหน้าค่าที่ส่งกลับ
ข้อสังเกต
-
ถ้า Number เป็น < -549,755,813,888 หรือถ้า Number เป็น > 549,755,813,887 ฟังก์ชัน DEC2HEX จะส่งกลับ #NUM! เป็นค่าความผิดพลาด
-
ถ้า Number ไม่ใช่ตัวเลข ฟังก์ชัน DEC2HEX จะส่งกลับ #VALUE! เป็นค่าความผิดพลาด
-
ถ้าผลลัพธ์ของ DEC2HEX ต้องการมากกว่าจำนวนอักขระ Places ที่ระบุ จะส่งกลับ #NUM! เป็นค่าความผิดพลาด
ตัวอย่าง เช่น DEC2HEX(64,1) จะส่งกลับค่าความผิดพลาดเนื่องจากผลลัพธ์ (40) มีสองอักขระ -
ถ้า Places ไม่ใช่จำนวนเต็ม ค่าของ Places จะถูกตัดเศษทศนิยมทิ้ง
-
ถ้า Places ไม่ใช่ตัวเลข ฟังก์ชัน DEC2HEX จะส่งกลับ #VALUE! เป็นค่าความผิดพลาด
-
ถ้า Places เป็นลบ ฟังก์ชัน DEC2HEX จะส่งกลับ #NUM! เป็นค่าความผิดพลาด
ตัวอย่าง
คัดลอกข้อมูลตัวอย่างในตารางต่อไปนี้ และวางในเซลล์ A1 ของเวิร์กชีต Excel ใหม่ เพื่อให้สูตรแสดงผลลัพธ์ ให้เลือกสูตร กด F2 แล้วกด Enter ถ้าต้องการ คุณสามารถปรับความกว้างของคอลัมน์เพื่อดูข้อมูลทั้งหมด
สูตร | คำอธิบาย | |
---|---|---|
=DEC2HEX(100, 4) |
แปลงเลขฐานสิบที่มีค่า 100 เป็นเลขฐานสิบหกที่มี 4 อักขระ ("padded" ที่มีเลขศูนย์นำหน้าสองตัว) |
0064 |
=DEC2HEX(-54) |
แปลงเลขฐานสิบที่มีค่า -54 เป็นเลขฐานสิบหก |
FFFFFFFFCA |
=DEC2HEX(-28) |
แปลงเลขฐานสิบที่มีค่า -28 ไปเป็นเลขฐานสิบหก |
1C |
=DEC2HEX(64, 1) |
ส่งกลับค่าความผิดพลาด #NUM! เนื่องจากผลลัพธ์ (40) ต้องการอักขระ 2 ตำแหน่ง |
#NUM! |