บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับไวยากรณ์ของสูตรและการใช้ฟังก์ชัน ERROR.TYPE ใน Microsoft Excel
คำอธิบาย
ส่งกลับตัวเลขที่สัมพันธ์กับค่าความผิดพลาดใน Microsoft Excel ค่าใดค่าหนึ่งหรือส่งกลับค่าเป็น #N/A ถ้าไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น คุณสามารถใช้ ERROR.TYPE ในฟังก์ชัน IF เพื่อทดสอบค่าความผิดพลาดแล้วส่งกลับค่าเป็นสตริงข้อความ เช่น เป็นข้อความต่างๆ แทนที่จะเป็นค่าความผิดพลาด
ไวยากรณ์
ERROR.TYPE(error_val)
ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน ERROR.TYPE มีอาร์กิวเมนต์ดังนี้
-
Error_val (ต้องระบุ) ค่าความผิดพลาดที่ระบุตัวเลขที่คุณต้องการค้นหา ถึงแม้ว่า error_val อาจเป็นค่าความผิดพลาดที่แท้จริงได้ ค่านี้ก็มักจะเป็นการอ้างอิงไปยังเซลล์ที่มีสูตรที่คุณต้องการทดสอบ
ถ้า error_val คือ | ฟังก์ชัน ERROR.TYPE ส่งกลับค่า |
---|---|
#NULL! |
1 |
#DIV/0! |
2 |
#VALUE! |
3 |
#REF! |
4 |
#NAME? |
5 |
#NUM! |
6 |
#N/A |
7 |
#GETTING_DATA |
8 |
ค่าอื่นๆ |
#N/A |
ตัวอย่าง
คัดลอกข้อมูลตัวอย่างในตารางต่อไปนี้ และวางในเซลล์ A1 ของเวิร์กชีต Excel ใหม่ เพื่อให้สูตรแสดงผลลัพธ์ ให้เลือกสูตร กด F2 แล้วกด Enter ถ้าต้องการ คุณสามารถปรับความกว้างของคอลัมน์เพื่อดูข้อมูลทั้งหมด
ข้อมูล | ||
---|---|---|
#NULL! |
||
#DIV/0! |
||
สูตร |
คำอธิบาย |
ผลลัพธ์ |
=ERROR.TYPE(A2) |
จำนวนของ #NULL! Error(1) |
1 |
=IF(ERROR.TYPE(A3)<3,CHOOSE(ERROR.TYPE(A3),"ช่วงเซลล์ไม่ตัดกัน" "ตัวหารเป็นศูนย์")) |
ตรวจสอบเซลล์ A3 เพื่อดูว่าเซลล์มีค่าความผิดพลาด #NULL! หรือค่าความผิดพลาด #DIV/0! หรือไม่ ถ้ามีค่าความผิดพลาด ก็จะใช้ตัวเลขสำหรับค่าความผิดพลาดนั้นในฟังก์ชันเวิร์กชีต CHOOSE เพื่อแสดงข้อความใดข้อความหนึ่งในสองข้อความ แต่ถ้าไม่มี ก็จะส่งกลับค่าความผิดพลาด #N/A |
ตัวหารเป็นศูนย์ |