คุณสามารถใช้สูตร อย่างง่ายเพื่อรวม ตัวเลขในช่วง (กลุ่มของเซลล์) แต่ฟังก์ชัน SUM จะใช้งานได้ง่ายขึ้นเมื่อคุณใช้งานกับตัวเลขมากกว่า 2-3 ตัว ตัวอย่างเช่น =SUM(A2:A6) มีแนวโน้มที่จะมีข้อผิดพลาดการพิมพ์น้อยกว่า =A2+A3+A4+A5+A6
ต่อไปนี้คือสูตรที่ใช้ช่วงเซลล์สองช่วง: =SUM(A2:A4,C2:C3)จะรวมตัวเลขในช่วง A2:A4 และ C2:C3 คุณต้องกด Enter เพื่อรับผลรวมของ 39787
เมื่อต้องการสร้างสูตร:
-
พิมพ์ =SUM ในเซลล์ ตามด้วยวงเล็บเปิด (.
-
เมื่อต้องการใส่ช่วงสูตรแรก ซึ่งเรียกว่าอาร์กิวเมนต์ (ข้อมูล ชิ้นหนึ่งที่สูตรต้องการเรียกใช้) ให้พิมพ์ A2:A4 (หรือเลือกเซลล์ A2 แล้วลากผ่านเซลล์ A6)
-
พิมพ์เครื่องหมายจุลภาค (,) เพื่อแยกอาร์กิวเมนต์แรกออกจากอาร์กิวเมนต์ถัดไป
-
พิมพ์อาร์กิวเมนต์ที่สอง C2:C3 (หรือลากเพื่อเลือกเซลล์)
-
พิมพ์วงเล็บปิด )แล้วกด Enter
แต่ละอาร์กิวเมนต์สามารถเป็นช่วง ตัวเลข หรือการอ้างอิงเซลล์เดียว โดยคั่นทั้งหมดด้วยเครื่องหมายจุลภาค
-
=SUM(A2:A4,2429,10482)
-
=SUM(4823,A3:A4,C2:C3)
-
=SUM(4823,12335,9718,C2:C3)
-
=SUM(A2,A3,A4,2429,10482)
เคล็ดลับ: ถ้าคุณต้องการหาผลรวมคอลัมน์หรือแถวของตัวเลขที่อยู่ติดกัน ให้ใช้ ผลรวมอัตโนมัติ เพื่อรวมตัวเลข
คุณควรลองทำดู
ถ้าคุณต้องการลองใช้งานกับข้อมูลตัวอย่างของเรา ต่อไปนี้เป็นข้อมูลบางส่วนที่คุณสามารถใช้ได้
คุณสามารถดูวิธีการใช้ฟังก์ชัน SUM ได้ โดยการคัดลอกตารางต่อไปนี้ลงในเวิร์กชีตแล้ววางลงในเซลล์ A1
ข้อมูล |
||
-5 |
||
15 |
||
30 |
||
'5 |
||
TRUE |
||
สูตร |
คำอธิบาย |
ผลลัพธ์ |
=SUM(3, 2) |
บวก 3 และ 2 |
5 |
=SUM("5", 15, TRUE) |
บวก 5, 15 และ 1 ค่าข้อความ "5" จะถูกแปลเป็นจํานวนก่อน และค่าตรรกะ TRUE จะถูกแปลเป็นตัวเลข 1 ก่อน |
21 |
=SUM(A2:A4) |
บวกค่าในเซลล์ A2 ถึง A4 |
40 |
=SUM(A2:A4, 15) |
บวกค่าในเซลล์ A2 ถึง A4 แล้วบวก 15 กับผลลัพธ์นั้น |
55 |
=SUM(A5,A6, 2) |
บวกค่าในเซลล์ A5 และ A6 แล้วบวก 2 กับผลลัพธ์นั้น เนื่องจากค่าที่ไม่ใช่ตัวเลขในการอ้างอิงจะไม่ถูกแปล ค่าในเซลล์ A5 ('5) และค่าในเซลล์ A6 (TRUE) จะถูกระบุเป็นข้อความ ทั้งค่าในเซลล์เหล่านั้นจะถูกละเว้น |
2 |
ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมไหม
คุณสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญใน Excel Tech Community หรือรับการสนับสนุนใน ชุมชน