หมายเหตุ: เราต้องการมอบเนื้อหาวิธีใช้ปัจจุบันในภาษาของคุณให้กับคุณโดยเร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ หน้านี้ได้รับการแปลด้วยระบบอัตโนมัติ และอาจมีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์หรือความไม่ถูกต้อง จุดประสงค์ของเราคือเพื่อให้เนื้อหานี้มีประโยชน์กับคุณ คุณแจ้งให้เราทราบว่าข้อมูลดังกล่าวมีประโยชน์ต่อคุณที่ด้านล่างของหน้านี้ได้หรือไม่ นี่คือ บทความภาษาอังกฤษ เพื่อให้ง่ายต่อการอ้างอิง
มีวิธีหลายวิธีที่จะสามารถปรับปรุงประสบการณ์ในการค้นหาของผู้ใช้ให้ดีขึ้น บทความนี้จะแนะนำวิธีที่ใช้กันทั่วไป เช่น การใช้คุณสมบัติที่มีการจัดการ ขอบเขตการค้นหา คำสำคัญพร้อมสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุด ตำแหน่งที่ตั้งที่ติดต่อกับภายนอก และแผงการปรับปรุงในหน้าผลลัพธ์การค้นหา
การใช้คุณสมบัติที่มีการจัดการ
เมื่อบริการการค้นหาทำการตระเวนไซต์ต่างๆ บริการจะค้นหาคุณสมบัติหรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า Metadata หรือแอตทริบิวต์ที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร คุณสมบัติที่บริการการค้นหาพบและกำหนดความสัมพันธ์กับเอกสารจะเรียกว่าคุณสมบัติที่ตระเวน คุณสมบัติที่ตระเวนจะสร้างขึ้นจากตำแหน่งที่ตั้งต่างๆ ใน SharePoint หรือในตัวเอกสารเอง ตัวอย่างเช่น อาจมีการตั้งค่าคอลัมน์หนึ่งในไลบรารีเอกสารให้บันทึกวันที่และเวลาที่เอกสารได้รับการปรับปรุง หรืออาจมีการตั้งค่าชนิดเนื้อหาเป็น “ข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์” สำหรับทั้งสองกรณี ยิ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารมากเท่าใด ก็สามารถทำการค้นหาได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
คุณสมบัติที่มีการจัดการจะถูกสร้างขึ้นสำหรับ Metadata ที่ประกาศ ซึ่งทำให้คุณสมบัติที่มีการจัดการสามารถถูกทำดัชนีใน SharePoint และปรากฏในผลลัพธ์การค้นหาได้ หลังจากบริการการค้นหาทำการตระเวนเนื้อหาใหม่เป็นครั้งแรก ผู้ดูแลบริการการค้นหาควรตรวจทานรายการของคุณสมบัติที่มีการจัดการ โดยปกติ เอกสารต่างๆ จะใช้ชื่อที่แตกต่างกันสำหรับคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน ตัวอย่างเช่น ลองพิจารณาชื่อต่างๆ ของคุณสมบัติที่ระบุถึงผู้สร้างเอกสาร เอกสารชนิดหนึ่งอาจเรียกคุณสมบัตินี้ว่า "author" เอกสารอีกชนิดหนึ่งอาจเรียกว่า "writer" และเอกสารชนิดที่สามอาจเรียกว่า "property3" คุณสามารถแมปคุณสมบัติที่ตระเวนเหล่านี้เข้ากับคุณสมบัติที่มีการจัดการ Author ซึ่งเมื่อผู้ใช้ค้นหาตาม author ผลลัพธ์ที่ถูกต้องจากเอกสารทั้งสามชนิดนี้จะรวมอยู่ในผลลัพธ์ด้วย
เมื่อต้องการเข้าถึงคุณสมบัติ Metadata ในการดูแลจากศูนย์กลาง ให้คลิก คุณสมบัติของ Metadata ภายใต้ แบบสอบถามและผลลัพธ์ ในหน้าการดูแลการค้นหา
การกำหนดขอบเขต
ขอบเขตคือชุดของเนื้อหา เช่น กลุ่มของไซต์ เป็นต้น การกำหนดขอบเขตทำให้ผู้ใช้สามารถทำการค้นหาภายในชุดเนื้อหาที่แคบลงได้ เมื่อทำการกำหนดขอบเขต คุณสามารถรวมกฎตำแหน่งที่ตั้งเข้ากับกฎคุณสมบัติเพื่อจำกัดการค้นหาได้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น ขอบเขตสามารถส่งแบบสอบถามไปยังไซต์บางไซต์ หรือไปยังเอกสารที่ได้รับการทำเครื่องหมายด้วยค่าคุณสมบัติค่าใดค่าหนึ่งได้ เมื่อผู้ใช้ค้นหาเนื้อหาจากไซต์ใดไซต์หนึ่ง ขอบเขตจะถูกตั้งค่าเป็นภายในไซต์นั้นและไซต์ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ไซต์นั้นโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ใช้ค้นหาจากเพจผลลัพธ์หรือจากไซต์ศูนย์กลางการค้นหา ขอบเขตจะถูกตั้งเป็น ไซต์ทั้งหมด โดยอัตโนมัติ คุณสามารถช่วยให้ผู้ใช้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้โดยการอนุญาตให้ผู้ใช้เหล่านั้นสามารถเลือกทำการค้นหาจากชุดเนื้อหาที่น้อยลงได้
ขอบเขตการค้นหาต้องได้รับการกำหนดขึ้นใน การดูแลจากศูนย์กลางเสียก่อน ในเพจการดูแลการค้นหาของโปรแกรมประยุกต์บริการการค้นหา คุณสามารถเพิ่มขอบเขตใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าของขอบเขตที่มีอยู่แล้วได้
หลังจากที่กำหนดขอบเขตในการดูแลจากศูนย์กลางแล้ว ผู้ดูแลไซต์คอลเลกชันหรือเจ้าของไซต์สามารถทำให้ขอบเขตพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ใน Web Part ต่างๆ เช่น Web Part ของกล่องค้นหา ได้
เมื่อต้องการแสดงขอบเขตแก่ผู้ใช้ใน Web Part ของกล่องค้นหา ในเพจศูนย์กลางการค้นหา ให้ทำดังนี้
-
คลิกเมนู การกระทำในไซต์ แล้วคลิก แก้ไขเพจ
-
คลิกลูกศรในเมนู Web Part กล่องค้นหา จากนั้นคลิก แก้ไข Web Part
-
ภายใต้ รายการขอบเขตแบบหล่นลง ให้เลือก แสดงรายการขอบเขตแบบหล่นลง
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างและการจัดการขอบเขตและกฎของขอบเขต ให้ดูที่ศูนย์กลางการค้นหาระดับองค์กรใน TechNet สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Web Part หรือการแก้ไขเพจของ Web Part ให้ดูวิธีใช้ SharePoint Server "14"
การเพิ่มคำสำคัญที่มีสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุด
คำสำคัญพร้อมสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาคำศัพท์ (คำสำคัญ) เฉพาะขององค์กรของคุณ และค้นหาเว็บไซต์ที่ใช้กันทั่วไป (สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุด) ได้ คุณสามารถใช้คำสำคัญพร้อมสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดเพื่อนำผู้ใช้ไปยังไซต์ที่คุณคิดว่ามีประโยชน์ที่สุดสำหรับผู้ใช้ได้ โดยขึ้นอยู่กับคำสำคัญที่ผู้ใช้เหล่านั้นใช้ในแบบสอบถาม ผู้ดูแลไซต์คอลเลกชันจะกำหนดคำสำคัญพร้อมสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งทำให้เขาสามารถควบคุมผลลัพธ์การค้นหาได้โดยตรง โดยไม่คำนึงถึงการตั้งค่าที่สืบทอดมาจากการดูแลจากศูนย์กลาง
เมื่อผู้ใช้รวมคำสำคัญหรือคำเหมือนของคำสำคัญไว้ในแบบสอบถาม เพจผลลัพธ์การค้นหาจะวางการเชื่อมโยงไปยังสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดที่สัมพันธ์กับคำสำคัญนั้นไว้เหนือผลลัพธ์หลัก คำสำคัญสามารถใช้ในการจัดทำอภิธานศัพท์สำหรับการทำงานของชื่อและคำศัพท์ที่ใช้ภายในองค์กรของคุณได้ เมื่อกำหนดคำสำคัญร่วมกับคำเหมือนและสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุด คำสำคัญยังช่วยปรับปรุงผลลัพธ์การค้นหาให้ดีขึ้นโดยการนำผู้ใช้ไปยังแหล่งข้อมูลแนะนำได้อีกด้วย
เมื่อต้องการเข้าถึงการตั้งค่าคำสำคัญและสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุด บนไซต์ศูนย์กลางการค้นหา ให้คลิก การกระทำในไซต์, การตั้งค่าไซต์ และภายใต้ การดูแลไซต์คอลเลกชัน ให้คลิก คำสำคัญสำหรับการค้นหา
การเพิ่มตำแหน่งที่ตั้งที่ติดต่อกับภายนอก
การค้นหาแบบติดต่อกับภายนอกเป็นการสอบถามฐานข้อมูล (ตำแหน่งที่ตั้ง) ออนไลน์อย่างน้อยหนึ่งฐานข้อมูลพร้อมกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างเพจผลลัพธ์การค้นหาเพียงเพจเดียว การเพิ่มตำแหน่งที่ตั้งที่ติดต่อกับภายนอก เป็นการอนุญาตให้สามารถส่งแบบสอบถามไปยังโปรแกรมค้นหาและตัวดึงข้อมูลที่อยู่บนเซิร์ฟเวอร์อื่น เช่น www.bing.com ได้ เนื้อหาจากตำแหน่งที่ตั้งที่ติดต่อกับภายนอกจะไม่ได้รับการตระเวนโดยเซิร์ฟเวอร์ภายในของคุณ SharePoint Server "14" จะแสดงผลลัพธ์แก่ผู้ใช้ร่วมไปกับผลลัพธ์จากภายในองค์กรของคุณ
คุณสามารถเพิ่มและกำหนดค่า Web Part บนเพจผลลัพธ์การค้นหาให้เป็น Web Part สำหรับผลลัพธ์การค้นหาแบบติดต่อกับภายนอก หรือ Web Part สำหรับผลลัพธ์แบบติดต่อกับภายนอกที่ดีที่สุดได้
เมื่อต้องการแสดงผลลัพธ์การค้นหาแบบแบบติดต่อกับภายนอกในเพจอื่นที่ไม่ใช่เพจเริ่มต้นของโปรแกรมค้นหา เพียงแต่เพิ่ม Web Part สำหรับผลลัพธ์การค้นหาแบบติดต่อกับภายนอก หรือ Web Part สำหรับผลลัพธ์แบบติดต่อกับภายนอกที่ดีที่สุด ลงในเพจที่คุณต้องการแสดงผลลัพธ์การค้นหาแบบติดต่อกับภายนอก
คุณสามารถควบคุมลักษณะต่างๆ ของผลลัพธ์การค้นหาใน Web Part สำหรับผลลัพธ์แบบติดต่อกับภายนอก เช่น Metadata ที่จะแสดง หรือจำนวนการเชื่อมโยงที่จะแสดงได้โดยการแก้ไขคุณสมบัติ และโค้ด Extensible Stylesheet Language (XSL) ของตำแหน่งที่ตั้งที่ติดต่อกับภายนอก นอกจากนี้ คุณยังสามารถควบคุมลักษณะที่ปรากฏของของผลลัพธ์การค้นหา เช่น สี หรือลักษณะแบบอักษรของข้อความของการเชื่อมโยงได้อีกด้วย คุณสามารถปรับเปลี่ยนแบบสอบถามที่ส่งไปยังตำแหน่งที่ตั้งที่ติดต่อกับภายนอกเมื่อผู้ใช้พิมพ์คำนำหน้าหรือรูปแบบที่จำเพาะเจาะจงได้โดยการใช้กฎการทริกเกอร์ ซึ่งจะได้รับการกำหนดค่าไว้เมื่อกำหนดตำแหน่งที่ตั้งที่ติดต่อกับภายนอก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างและการจัดการตำแหน่งที่ตั้งที่ติดต่อกับภายนอก ให้ดูที่ศูนย์กลางการค้นหาระดับองค์กรใน TechNe ข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างกฎการทริกเกอร์จะมีอยู่ในวิธีใช้ผลิตภัณฑ์การค้นหา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานกับ XSL หรือการสร้าง Web Part แบบกำหนดเอง ให้ดูที่วิธีใช้ผลิตภัณฑ์การค้นหาใน MSDN
การกำหนดแผงการปรับปรุงเอง
แผงการปรับปรุงคือ Web Part ในเพจผลลัพธ์การค้นหาที่แสดงข้อมูลสรุปของผลลัพธ์การค้นหาตามคุณสมบัติของเอกสาร ตัวอย่างเช่น ข้อมูลสรุปอาจระบุว่า มีเอกสาร Microsoft Word อยู่เป็นส่วนใหญ่ในผลลัพธ์การค้นหาห้าสิบอันดับแรก ตามด้วยเอกสาร Microsoft Excel จำนวนหนึ่ง
แผงการปรับปรุงยังทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการแสดงผลลัพธ์ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น แสดงตามชนิดเนื้อหา (เอกสาร กระดาษคำนวณ งานนำเสนอ เว็บเพจ และอื่นๆ) ตามตำแหน่งที่ตั้งของเนื้อหา (เช่น ไซต์ SharePoint) ตามผู้สร้าง หรือตามวันที่ปรับปรุงเอกสาร เป็นต้น เจ้าของไซต์หรือผู้ดูแลไซต์คอลเลกชันสามารถกำหนดแผงการปรับปรุงเองได้โดยการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของ Web Part ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนประเภทที่แสดง หรือเปลี่ยนแปลงแฟ้มข้อกำหนดประเภทของตัวกรองได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดแผงการปรับปรุงเอง ให้ดูที่ศูนย์กลางการค้นหาระดับองค์กรใน TechNet สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Web Part หรือการแก้ไขเพจของ Web Part ให้ดูวิธีใช้ SharePoint Server "14"